เปรียบเทียบ DJI Mavic mini 2 เมื่อพูดถึงอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน เชื่อว่าแบรนด์ DJI น่าจะเป็นชื่อแรกๆที่ปรากฏเข้าเป็นลำดับแรกๆอย่างแน่นอนครับ แน่นอนว่าการมาของ DJI Mavic mini 2 จะมีคำถามตามมาว่าดีขึ้นประมาณไหน มีอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ
ซึ่งใน Content นี้ จะเป็นการนำโดรนทั้ง 3 รุ่น ทำการเปรียบเทียบ DJI Mavic mini 2 vs Mavic mini vs Mavic Air 2 เพื่อคลายข้อสงสัยต่างๆให้กับเพื่อนๆครับ
content ที่เกี่ยวข้องกับ เปรียบเทียบ DJI Mavic mini 2
Gallery DJI Mavic mini 2
DJI Mavic mini 2 โดรนน้องใหม่ พกฟีเจอร์เต็มพิกัด
DJI Mavic mini 2 ถือเป็นโดรนรุ่นใหม่ ที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมอย่าง DJI Mavic mini ที่ต้องบอกว่ามีสเปคและฟีเจอร์หลายๆอย่างได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นตามยุคสมัย ทั้งนี้ ฟีเจอร์และสเปค DJI Mavic mini 2 จะมีอะไรบ้างนั้น ทีมงานได้รวมรวบมาให้เพื่อนๆได้รับทราบเช่นกันครับ
สเปค DJI Mavic mini 2
- Sensor ขนาด 1/2.3″ พร้อมความละเอียด 12 megapixels
- เลนส์มีทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24mm. พร้อมค่ารูรับแสง F2.8
- รองรับการถ่ายไฟล์ JPG และ RAW
- อัตราส่วนภาพ เลือกได้ทั้ง 4:3 และ 16:9
- Shutter Speed ระหว่าง 4 Sec. – 1/8000 Sec.
- ระบบกันสั่นภายในแบบ 3 ทิศทาง ( 3-Axis )
- รองรับการถ่าย Video 4K สูงสุดที่ 30p
- รองรับการถ่าย Video 2K สูงสุดที่ 30p
- รองรับการถ่าย Video FHD สูงสุดที่ 60p
- อัตรา bitrate ของ Video สูงสุดที่ 100 mbps
- อัตราความเร็วในการบิน 8.5 – 10.5 m/s ( Wind Resistance Level 5 )
- สามารถบินในระยะ 10 km. เมื่อควบคุมแบบไร้สาย
- บินต่อเนื่องนานสูงสุด 31 นาที
- Mode การบินต่างๆ เช่น Asteroid , Hyperlapse , Circle , Boomerange เป็นต้น
- น้ำหนักสุทธิ 249 กรัม
อุปกรณ์ DJI Mavic mini 2 ภายในกล่อง
ตารางสรุป เปรียบเทียบ DJI Mavic mini 2 vs Mavic mini vs Mavic Air 2
ตารางเปรียบเทียบ | DJI Mavic mini 2 | DJI Mavic mini | DJI Mavic Air 2 |
ราคา | 499 us ( Combo Set ) | 499 us ( Combo Set ) | 34,900.- |
น้ำหนัก | 249 g. | 249 g. | 570 g. |
Sensor | 1/2.3″ / 12 mp | 1/2.3″ / 12 mp | 1/2.3″ / 12 mp |
Focal Rength | 24mm. / F2.8 | 24mm. / F2.8 | 24mm. / F2.8 |
รูปแบบไฟล์ | jpg / RAW | jpg | jpg / RAW |
ระบบกันสั่น | 3 – Axis | 3 – Axis | 3 – Axis |
Video 4K | 30p / 25p / 24p | – | 60p / 30p |
Video 2.7K | 30p / 25p / 24p | 30p / 25p / 24p | 30p / 25p / 24p |
Video FHD | 60p / 50p / 30p | 60p / 50p / 30p | 60p / 50p / 30p |
VDO Bitrate | 100 mbps | 40 mbps | 120 mbps |
ความเร็วในการบิน | 6 km. | 4 km. | 10 km. |
ความเร็วในการบิน ( เมื่อบินต้านลม ) | 30.6 – 37.8 kph. | 29 kph. | 29 – 39 kph. |
อัตราการบินต่อเนื่อง | 31 min. | 30 min. | 34 min. |
Mode การบิน | Hyperlapse / QuickShots / One Tap / Dronie / Circle / Helix / Rocket / Boomerang / Asteroid | QuickShots / Dronie / Circle / Helix / Rocket | 8k Timelapse / QuickShots / Dronie / Circle / Helix / Rocket / Boomerang / Asteroid |
DJI Mavic mini 2 ดีไซน์ให้มีความ Compact ลงตัว น่าใช้งาน
DJI Mavic mini 2 แม้จะเป็นรุ่นที่ออกมาต่อยอด DJI Mavic mini แต่ถึงกระนั้นยังคงความ Compact เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นครับ โดยมีปรับดีไซน์บางส่วนให้มีความกระชับยิ่งขึ้น โดยที่ยังมีน้ำหนัก 249 กรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เท่ากันกัน DJI Mavic mini เลยทีเดียว
ทั้งนี้ เปรียบเทียบ DJI Mavic mini 2 ทีมงานได้หยิบยกโดรนรุ่นใหญ่อย่าง DJI Mavic Air 2 มาเปรียบเทียบด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าความ Compact Size รวมถึงน้ำหนักสุทธิรวม ยังคงยกให้กับ DJI Mavic mini 2 อยู่เช่นกันครับ
Sensor ขนาด 1/2.3″ พร้อมมุมเทียบเท่า 24mm.
ในทุกๆการถ่ายภาพ เชื่อว่าใครๆก็อยากได้คุณภาพที่สูงเช่นกัน ทั้งนี้ในอุปกรณ์โดรนอย่าง DJI Mavic mini 2 ก็มาพร้อม Sensor รับภาพขนาด 1/2.3″ โดยตัวเลนส์มาพร้อมกับทางยาวโฟกัสเทียบเท่ากับ 24mm. อีกทั้งมาพร้อมกับความละเอียด 12 megapixels ด้วยกัน ซึ่งมีขนาดเท่ากับ DJI Mavic mini และ DJI Mavic Air 2 เลยทีเดียวครับ
ทั้งนี้ จะมีเพียง DJI Mavic Air 2 ที่แม้ว่าจะมาพร้อม Sensor ขนาด 1/2.3″ ที่มีความละเอียด 12 megapixels แต่จะมีความสามารถเพิ่มเติมตรงที่ สามารถถ่ายที่ความละเอียด 48 megapixels ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งใน DJI Mavic mini และ DJI Mavic mini 2 จะไม่มีความสามารถดังกล่าวนี้ครับ
มุมรับภาพ ยิ่งกว้าง ยิ่งส่งผลดี ต่อการถ่ายภาพผ่านโดรน
ปกติที่มุม 24mm. บน Fullframe อาจจะไม่ได้กว้างอะไรมากนัก แต่สำหรับโดรน ไม่ว่าจะเป็น DJI Mavic mini 2 , DJI Mavic mini และ DJI Mavic Air 2 การได้เลนส์รับภาพที่ทางยาวโฟกัสนี้ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานละครับ อย่าลืมว่าการถ่ายภาพจากมุมสูง หากได้เลนส์ Wide ยิ่งสร้างความอลังให้กับภาพที่ได้เป็นอย่างดีเลยละครับ
ระบบกันสั่น 3 แกน เพื่อความนิ่งในงานภาพนิ่งและวิดิโอ
ในอุปกรณ์ต่างก็มีระบบกันสั่นไหว เฉกเช่นเดียวกันกับกล้อง Mirrorless สาเหตุหลักๆที่จำเป็นต้องมีนั้น เนื่องจากโดรนในสภาพใช้งาน ส่วนมากจะขึ้นถ่ายภาพบนพื้นที่สูงจากพื้นดิน ยิ่งความสูงมากเท่าไร ยิ่งมีลมพัดแรงตามไปด้วย อย่าลืมว่ากระแสลมเหล่านี้ มีผลโดยตรงต่อตัวโดรนที่เรานำขึ้นถ่ายด้วยเช่นกันนะ เหมือนกับเวลาที่เราขึ้นไปถ่ายภาพด้วยกล้องบนที่สูง เราจะรู้สึกถึงความแรงของลมที่พัดเข้ามากระทบจนรู้สึกได้อย่างชัดเจนละครับ
สำหรับโดรนทั้ง 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น DJI Mavic mini 2 , DJI Mavic mini และ DJI Mavic Air 2 ต่างก็มาพร้อมระบบกันสั่น 3 แกน ( 3 – Axis ) ติดตั้งไว้ภายใน เพื่อช่วยลดอาการสั่นไหวในขณะที่ขึ้นบินถ่ายภาพด้วยเช่นกันนั่นเอง ทั้งนี้จะนิ่งมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของกระแสลมในพื้นที่นั้นๆด้วยเช่นกันครับ
งาน Video ระดับ 4K / 2K ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว
ฟีเจอร์วิดิโอ ถือเป็นอีกสิ่งที่อยู่คู่กันกับโดรนเลยทีเดียวครับ อย่างที่เราทราบกันดี ไม่ว่าจะเป็น Content แนว Travel หรือ Cinema เรามักจะได้เห็น Video Footage ในลักษณะมุม Bird Eye View กันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมุมมองในลักษณะเป็นการยากที่จะใช้กล้องทั่วๆไปในการถ่ายเช่นกัน
สเปค Video ของ DJI Mavic mini 2 , DJI Mavic mini และ DJI Mavic Air 2 ก็มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยครับ อย่าง DJI Mavic mini จะไม่รองรับการถ่าย Video 4K เป็นต้น หรือจะเป็น Video Timelapse 8K ที่เป็นฟีเจอร์เฉพาะบน DJI Mavic Air 2 นั่นเองครับ
จะเห็นว่า ฟีเจอร์ Video ของ DJI Mavic mini 2 และ DJI Mavic mini นั้น จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนในส่วนของ Video 4K ครับ เนื่องจาก DJI Mavic mini จะรองรับการถ่าย Video สูงสุดเพียง 2.7K เท่านั้น ในขณะที่ DJI Mavic mini 2 กลับเพิ่มความสามารถด้าน Video 4K เข้ามานั่นเอง
หากใครซีเรียสเรื่อง ความละเอียดในงาน Video แล้วละก็ อาจจะต้องมองไปที่ DJI Mavic Air 2 เพราะ สามารถเลือกถ่าย Video ได้ตั้งแต่ FHD , 2K รวมไปถึง Video 4K นั่นเอง อีกทั้งปริมาณข้อมูล หรือ bitrate ที่เก็บรวบรวมมานั้น จะอยู่ที่ 120 mbps ด้วยกันครับ ซึ่ง bitrate ที่ว่านี้ มีปริมาณที่เยอะกว่า DJI Mavic mini 2 และ DJI Mavic mini ครับ
เน้นความสดใหม่ ในราคาที่คุ้มค่า DJI Mavic mini 2 ไม่ผิดหวังแน่นอน
หลักๆฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา ที่สร้างความแตกต่างกับ DJI Mavic mini อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Video 4K 30p พร้อม bitrate 100 mbps ที่มากกว่ารุ่นเดิมแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวครับ
Mode การบิน เอื้อต่อการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบ
ถือเป็นอีก 1 ไฮไลท์สำหรับผู้ที่จะเลือกซื้อโดรนมาใช้งานเลยทีเดียวครับ แม้ว่าโดยทั่วไปโดรนจะใช้ในการเก็บภาพในมุมสูงจากบนท้องฟ้า แต่นั่นเป็นเพียงพื้นฐานครับ เพราะ ในโดรนแต่ละรุ่น จะมีฟีเจอร์ที่เสริมเกี่ยวกับท่าทางการบิน เพื่อที่จะทำให้ได้มุมรับภาพแปลก แหวกแนว เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับงาน Video ได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับฟีเจอร์ที่เสริมการบิน โดยพื้นฐานของทั้ง 3 รุ่น ก็จะมี QuickShots / Dronie / Circle / Helix / Rocket ให้เลือกใช้งานอยู่แล้ว ซึ่ง ถ้าเป็น DJI Mavic mini 2 จะเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Hyperlapse / Boomerang / Asteroid เข้ามาด้วย ซึ่งจะคล้ายคลึงกับ DJI Mavic Air 2 เลยทีเดียวครับ
ส่วน DJI Mavic Air 2 จะมีฟีเจอร์ที่ครบครัน โดยเฉพาะฟีเจอร์ Timelapse ที่สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 8K กันเลยทีเดียว ซึ่งโดรนอีก 2 รุ่น ไม่ได้รองรับฟีเจอร์ดังกล่าวแต่อย่างใด
DJI Mavic Air 2 มีฟีเจอร์ที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มนี้
ต้องบอกว่า DJI Mavic Air 2 มีภาษีที่ดีกว่าทั้ง DJI Mavic mini 2 และ DJI Mavic mini ด้วยฟีเจอร์ที่เสริมลูกเล่นและประสิทธิภาพให้กับงานวิดิโอ จึงมีความยืดหยุ่นในการใช้งานได้มากกว่านั่นเอง
DJI Mavic mini 2 ปรับปรุงประสิทธิภาพการบิน เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงควบคู่กันกับฟีเจอร์การใช้งานนั้น คือ ประสิทธิภาพในการบิน โดยอัตราความเร็วที่โดรนทั้ง 3 รุ่นสามารถทำได้นั้น ก็จะลดหลั่นกันไป ตาม Segment
เริ่มกันที่ DJI Mavic Air 2 ที่เป็นรุ่นใหญ่สุดในการเปรียบเทียบครั้งนี้ สามารถทำอัตราความเร็วได้ที่ 29 – 39 kph. ในสภาวะที่มีลดกรรโชกขณะบิน รวมไปถึงสามารถบินได้ไกลสูงสุดที่ 10 km. ด้วยกัน พร้อมสามารถขึ้นบินต่อเนื่องนานสูงสุด 34 นาที
DJI Mavic Mini 2 โดรนรุ่นใหม่แกะกล่อง ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ สามารถทำอัตราความเร็วได้ที่ 30.6 – 37.8 kph. ในสภาวะที่มีลดกรรโชกขณะบิน รวมไปถึงสามารถบินได้ไกลสูงสุดที่ 6 km. พร้อมสามารถขึ้นบินต่อเนื่องนานสูงสุด 31 นาที
ส่วน DJI Mavic Mini โดรนรุ่นเล็กในเปรียบเทียบครั้งนี้ สามารถทำอัตราความเร็วได้ที่ 29 kph. ในสภาวะที่มีลดกรรโชกขณะบิน รวมไปถึงสามารถบินได้ไกลสูงสุดที่ 4 km. พร้อมสามารถขึ้นบินต่อเนื่องนานสูงสุด 30 นาที
จะเห็นว่า DJI Mavic Air 2 จะมีประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีที่สุดในกลุ่มเปรียบเทียบครั้งนี้ แต่อย่าลืมว่าการนำโดรนขึ้นบินนั้นมักมาพร้อมความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ในอากาศ ทั้งสภาพอากาศก็ดี หรือ การเกิด Error ระหว่างใช้งานก็ดี โดยเฉพาะระยะเวลารวมที่ใช้ขึ้นบิน จำเป็นจะต้องมีการวางแผนในทุกๆครั้ง เพื่อป้องกันและรับมือกับเหตุที่ไม่คาดฝันด้วยนะครับ
DJI Mavic Mini 2 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ในระดับราคาที่คุ้มค่า
แม้ว่า DJI Mavic Mini 2 จะเป็นโดรนรุ่นรองจาก DJI Mavic Air 2 ซึ่งแน่นอนว่า ฟีเจอร์และสเปคต่างๆ ไม่อาจเทียบเคียงได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้การอัพเกรดขึ้นมาจาก DJI Mavic Mini นั้น ทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและราคาที่จับต้องได้ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วละครับ
ลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของทางร้านได้ตลอด 24 ชม. หรือ โทรเข้ามาโดยตรงผ่านโทรศัพท์
แอดไลน์ ID:@ZoomCamera หรือ หน้าเว็บไซด์ ZoomCamera
083-067-7677 / 02-098-9555 ต่อ 0 (หยุดวันอาทิตย์)